เนื่องจากเทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว หุ่นยนต์จึงเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นเรื่อยๆ หุ่นยนต์สามารถพบได้ในโรงงานและสถานที่อุตสาหกรรมอื่นๆ โดยทำหน้าที่อันตรายหรือยากลำบากที่มนุษย์ต้องทำ แต่หุ่นยนต์ก็เริ่มเข้ามามีบทบาทในสภาพแวดล้อมทั่วไป เช่น บ้านเรือนและโรงพยาบาล แม้ว่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับการใช้งานหุ่นยนต์ที่เพิ่มมากขึ้น แต่ก็ชัดเจนว่าหุ่นยนต์มีข้อดีหลายประการที่สามารถเป็นประโยชน์ต่อทุกคนได้ ในโพสต์บล็อกนี้ เราจะมาเจาะลึกตัวอย่างทั่วไปของหุ่นยนต์ในชีวิตประจำวัน ประโยชน์ของหุ่นยนต์ และการเปลี่ยนแปลงชีวิตของมนุษย์
ประโยชน์โดยทั่วไปของหุ่นยนต์ในชีวิตประจำวัน
ความปลอดภัย
หุ่นยนต์สามารถทำงานในสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตรายได้ เช่น ภายในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หรือใต้น้ำลึก นอกจากนี้ หุ่นยนต์ยังสามารถปกป้องมนุษย์จากสถานการณ์อันตรายได้ด้วยการทำงานร่วมกับเรา เช่น การบินเครื่องบินหรือการขับรถ
ประหยัดเวลา
หุ่นยนต์สามารถทำภารกิจซ้ำซากและยากลำบากได้หลายอย่าง ซึ่งหมายความว่าเราไม่จำเป็นต้องทำภารกิจเหล่านี้ วิธีนี้สามารถเพิ่มผลผลิตและประหยัดเวลาสำหรับกิจกรรมที่สำคัญกว่าได้
การเข้าถึงได้
หุ่นยนต์ช่วยให้ผู้คนเข้าถึงสิ่งต่างๆ ที่เราไม่สามารถทำได้ด้วยวิธีอื่น ตัวอย่างเช่น หุ่นยนต์สามารถยกของหนักๆ หรือช่วยคนเดินทางจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งได้ เช่นเดียวกับรถเข็นสำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือในการเดิน
การเฝ้าระวัง
หุ่นยนต์สามารถติดตั้งกล้องเพื่อให้เราเห็นสถานที่ต่างๆ ที่ปกติแล้วไม่สามารถเข้าถึงได้หรือเป็นอันตรายเกินไปสำหรับมนุษย์ ซึ่งรวมถึงหุ่นยนต์เก็บกู้ระเบิดที่เข้าไปในสถานการณ์อันตรายและรวบรวมข้อมูลก่อนที่ผู้เชี่ยวชาญจะตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไร
ลดความเหงา
หุ่นยนต์เพื่อนคู่ใจที่ พัฒนาด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) สามารถเป็นเพื่อนคู่ใจเมื่ออยู่คนเดียว ช่วยให้เกิดปฏิสัมพันธ์ทางสังคม และทำให้ผู้ที่รู้สึกเหงาไม่ซึมเศร้า ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์ที่ทำหน้าที่ร่วมกับคนหรือหุ่นยนต์ที่คอยเป็นเพื่อน หุ่นยนต์ "เพื่อน" สามารถทำให้ชีวิตของผู้คนในทุกวัยมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ผลผลิต
หุ่นยนต์ช่วยลดความพยายามของมนุษย์และเพิ่มผลผลิตภายในสถานที่ทำงานโดยรับงานอันตรายที่มนุษย์ไม่อยากทำ อาจเป็นกิจกรรมทั่วๆ ไป เช่น การดูดฝุ่น หรือเป็นงานที่ซับซ้อนกว่า เช่น การประกอบชิ้นส่วนในสภาพแวดล้อมแบบโรงงาน
การดำเนินงานที่ได้รับการปรับปรุง
นอกจากนี้ หุ่นยนต์ยังสามารถปรับปรุงการทำงานของระบบต่างๆ เช่น เครือข่ายคอมพิวเตอร์และระบบไฟฟ้าได้ หุ่นยนต์สามารถซ่อมแซมปัญหาได้โดยไม่ต้องมีคนเข้ามายุ่งเกี่ยว ซึ่งหมายความว่าจะมีประสิทธิผลการทำงานที่มากขึ้นและตอบสนองได้เร็วขึ้นหากจำเป็นต้องแก้ไขปัญหา
ข้อผิดพลาดของมนุษย์น้อยลง
หุ่นยนต์ช่วยให้การทำงานมีความแม่นยำมากขึ้นในสถานที่ทำงาน ซึ่งช่วยลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาดของมนุษย์ เมื่อหุ่นยนต์ทำงานร่วมกับมนุษย์ หุ่นยนต์จะช่วยลดข้อผิดพลาดได้โดยทำภารกิจสำคัญโดยไม่ต้องเสี่ยงชีวิตของมนุษย์
ตัวอย่างทั่วไปของหุ่นยนต์ในชีวิตประจำวัน
หุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงาน (Cobots)
แม้ว่าหุ่นยนต์ส่วนใหญ่ได้รับการออกแบบมาให้ทำงานโดยอัตโนมัติ แต่บริษัทหลายแห่งได้เริ่มพัฒนาหุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงานแล้ว หุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงานสามารถควบคุมโดยคนควบคุมได้ ทำให้ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับการใช้งานในโรงงานและสถานที่ทำงานอื่นๆ ที่มีมนุษย์อยู่ เนื่องจากโคบอททำงานร่วมกับมนุษย์เพื่อทำงานให้สำเร็จ จึงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าหุ่นยนต์เสริมกำลังพนักงาน ซึ่งช่วยให้ผู้คนสามารถทำงานที่ซับซ้อนมากขึ้นได้โดยไม่ต้องทำงานร่วมกับหุ่นยนต์อัตโนมัติ
โดยทั่วไปแล้วหุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงานจะใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม คลังสินค้า หรือครัวเรือน อย่างไรก็ตาม หุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงานยังสามารถพบได้ในสถานที่ทำงานอื่นๆ เช่น ศูนย์การค้าหรือสนามบิน หุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงานมีศักยภาพในการเพิ่มผลผลิตและลดอุบัติเหตุในสถานที่ทำงาน ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าหุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงานจะมีความสำคัญต่อความสำเร็จทางธุรกิจในปีต่อๆ ไป
ตัวอย่างหนึ่งของหุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงานคือหุ่นยนต์ Baxter ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายไปมาได้สะดวก มีแขน 2 ข้าง และควบคุมโดยคนควบคุมได้ Baxter ออกแบบมาเพื่อทำงานร่วมกับมนุษย์ในการทำงาน จึงปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับการใช้งานในโรงงานและสถานที่ทำงานอื่นๆ นอกจากความสามารถในการทำงานร่วมกันแล้ว Baxter ยังใช้งานง่ายมากอีกด้วย สามารถตั้งโปรแกรมให้ทำงานต่างๆ ได้หลากหลายโดยไม่ต้องมีการฝึกอบรมพิเศษใดๆ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่ต้องการนำหุ่นยนต์เข้ามาใช้ในสถานที่ทำงานอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างทั่วไปอื่นๆ ของ Cobots ได้แก่ รถยนต์ไร้คนขับ โดรนทางทหาร เครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติ หรือผู้ช่วยส่วนตัวที่เรียนรู้ด้วยเครื่องจักร เช่น Siri บน iPhone หรือ Cortana บนโทรศัพท์ Windows
หุ่นยนต์ในบ้าน
หุ่นยนต์ภายในบ้าน หรือที่เรียกอีกอย่างว่าหุ่นยนต์บริการส่วนบุคคล หรือหุ่นยนต์เพื่อนคู่ใจ ออกแบบมาเพื่อช่วยทำงานบ้าน หุ่นยนต์ภายในบ้านสามารถพบได้ในบ้านและที่ทำงานของผู้คน หุ่นยนต์เหล่านี้ทำหน้าที่ต่างๆ เช่น การทำความสะอาด การซักผ้า และการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้พิการ ตัวอย่างหนึ่งของหุ่นยนต์ภายในบ้านคือหุ่นยนต์ดูดฝุ่น Roomba ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ทำความสะอาดอัตโนมัติขนาดเล็กที่สามารถตั้งโปรแกรมให้ทำความสะอาดพื้น พรม และพรมเช็ดเท้าได้ Roomba ถูกนำมาใช้ในบ้านทั่วโลกตั้งแต่ปี 2002 ปัจจุบันมีหุ่นยนต์หลายรุ่นให้เลือกจาก iRobot และบริษัทอื่นๆ
ตัวอย่างหุ่นยนต์ในบ้านอีกตัวอย่างหนึ่งคือหุ่นยนต์ Wakamaru ซึ่งพัฒนาโดยมิตซูบิชิ หุ่นยนต์ Wakamaru ออกแบบมาเพื่อเป็นเพื่อนผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่คนเดียวหรือผู้ที่มีปัญหาในการเคลื่อนไหว ด้วยขนาดที่เล็กและหน้าตาที่เป็นมิตร ทำให้หุ่นยนต์ Wakamaru ได้รับการขนานนามว่าเป็น “หุ่นยนต์ผู้ช่วยขนาดเล็กพิเศษ” หุ่นยนต์ตัวนี้ใช้เซ็นเซอร์และ AI เพื่อตรวจสอบสุขภาพ พฤติกรรม และตำแหน่งของผู้ใช้ หากตรวจพบปัญหา หุ่นยนต์ Wakamaru จะสามารถติดต่อผู้ดูแลหรือสมาชิกในครอบครัวเพื่อขอความช่วยเหลือได้
หุ่นยนต์ภายในบ้านกำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในครัวเรือนทั่วโลก สาเหตุหลักมาจากความต้องการที่สูงของผู้สูงอายุที่ต้องการใช้ชีวิตอย่างอิสระเป็นเวลานานขึ้น บริษัทหลายแห่งได้เริ่มพัฒนาหุ่นยนต์ภายในบ้านที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย เช่น การทำความสะอาดและการเป็นเพื่อน แม้ว่ารุ่นปัจจุบันส่วนใหญ่จะออกแบบมาเพื่อใช้งานในบ้าน แต่ก็มีความสนใจที่จะนำหุ่นยนต์เหล่านี้ไปใช้ในสถานที่เชิงพาณิชย์ เช่น สนามบิน ห้างสรรพสินค้า และโรงแรม
หุ่นยนต์ทางการแพทย์
หุ่นยนต์ทางการแพทย์ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อทำงานต่างๆ ในสถานพยาบาล หุ่นยนต์เหล่านี้สามารถพบได้ในโรงพยาบาล คลินิกแพทย์ และรถพยาบาล หุ่นยนต์เหล่านี้มีตั้งแต่เครื่องมือหุ่นยนต์ที่จำเป็นซึ่งช่วยเหลือศัลยแพทย์ในการผ่าตัดไปจนถึงระบบการผ่าตัดอัตโนมัติที่ดำเนินการขั้นตอนทั้งหมดได้ด้วยตนเอง ในปี 2550 มีการผ่าตัดแบบแทรกแซงน้อยที่สุดโดยใช้หุ่นยนต์เป็นจำนวนมากทั่วโลก
หุ่นยนต์ทางการแพทย์ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ขั้นตอนทางการแพทย์ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น และแม่นยำยิ่งขึ้น หุ่นยนต์เหล่านี้สามารถใช้สำหรับงานผ่าตัดต่างๆ ได้หลากหลาย เช่น การกำจัดเนื้องอก การตรวจชิ้นเนื้อด้วยเข็ม และการผ่าตัดผ่านกล้อง นอกจากนี้ หุ่นยนต์ทางการแพทย์ยังสามารถทำการทดสอบตามปกติที่แพทย์มนุษย์พบว่าซ้ำซากหรือทำได้ยาก ตัวอย่างเช่น การวิเคราะห์เซลล์เม็ดเลือด การตรวจตา และการตรวจเต้านมด้วยแมมโมแกรม
หนึ่งในหุ่นยนต์ทางการแพทย์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุดคือระบบผ่าตัด da Vinci ซึ่งพัฒนาโดย Intuitive Surgical เป็นระบบหุ่นยนต์ที่ช่วยให้ศัลยแพทย์ทำการผ่าตัดแบบแทรกแซงน้อยที่สุดผ่านแผลเล็กๆ บนร่างกายของคนไข้ ศัลยแพทย์ใช้เครื่องมือพิเศษและระบบควบคุมที่ติดตั้งอยู่ในแขนหุ่นยนต์ทั้งสองข้างเพื่อควบคุมอุปกรณ์ แขนแรกใช้สำหรับถือและควบคุมเครื่องมือผ่าตัดพิเศษ ในขณะที่แขนที่สองควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้อง ไฟ และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ทำให้ศัลยแพทย์มองเห็นร่างกายของคนไข้ได้อย่างชัดเจน
การใช้หุ่นยนต์ทางการแพทย์ช่วยลดความยุ่งยากในการผ่าตัดและจำกัดการสูญเสียเลือด ทำให้มีค่าใช้จ่ายน้อยลงและผู้ป่วยมีโอกาสรอดชีวิตจากการผ่าตัดโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ หุ่นยนต์ทางการแพทย์ยังช่วยให้ศัลยแพทย์ทำหัตถการได้เร็วขึ้น ซึ่งหมายความว่าผู้ป่วยจะฟื้นตัวจากการผ่าตัดได้เร็วขึ้นและกลับไปทำงานหรือใช้ชีวิตที่บ้านได้
หุ่นยนต์อุตสาหกรรม
หุ่นยนต์อุตสาหกรรมใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต โดยเฉพาะสำหรับงานที่ต้องใช้ความเร็ว ความแม่นยำ และความทนทานสูง หุ่นยนต์เหล่านี้พบได้ในสายการประกอบของอุตสาหกรรมทุกประเภท โดยทำหน้าที่ตั้งแต่การโหลดวัสดุไปจนถึงการเชื่อมชิ้นส่วน ข้อได้เปรียบหลักเหนือมนุษย์คือความแม่นยำ หุ่นยนต์ไม่เหนื่อยล้าหรือผิดพลาดแม้ว่าจะต้องทำงานซ้ำๆ กัน
หุ่นยนต์เหล่านี้ถูกควบคุมโดยคอมพิวเตอร์ ซึ่งหมายความว่าสามารถตั้งโปรแกรมการกระทำของหุ่นยนต์ไว้ล่วงหน้าได้ หุ่นยนต์จะใช้ชุดเซ็นเซอร์เพื่อ "ดู" เมื่อทำงานเสร็จและหยุดทำงานโดยอัตโนมัติ วิธีนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าการเคลื่อนไหวของหุ่นยนต์จะแม่นยำเสมอ แม้ว่าการตั้งโปรแกรมจะไม่ถูกต้องเล็กน้อยก็ตาม นอกจากนี้ หุ่นยนต์อุตสาหกรรมยังมีมาตรการด้านความปลอดภัยจำนวนหนึ่งเพื่อป้องกันไม่ให้หุ่นยนต์ทำร้ายคน เช่น เซ็นเซอร์ที่ตรวจจับเมื่อมนุษย์เข้าใกล้เกินไปและทำให้เครื่องจักรหยุดทำงาน
ความเร็วและความแม่นยำของหุ่นยนต์อุตสาหกรรมทำให้มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับงานที่ต้องใช้การทำงานซ้ำๆ และการควบคุมระดับสูง แขนหุ่นยนต์สามารถทำการเคลื่อนไหวแบบเดียวกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้อย่างแม่นยำ แต่แขนของมนุษย์ทำไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ หุ่นยนต์อุตสาหกรรมจึงสามารถใช้ทำความสะอาดชิ้นส่วนหรือเชื่อมชิ้นส่วนเข้าด้วยกันด้วยความเร็วที่มนุษย์ไม่สามารถเลียนแบบได้ นอกจากนี้ หุ่นยนต์อุตสาหกรรมยังเป็นที่นิยมในสายการประกอบเนื่องจากสามารถทำงานให้เสร็จได้เร็วขึ้นและมีโอกาสเกิดข้อผิดพลาดน้อยกว่ามนุษย์ ซึ่งหมายความว่าผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้รับการผลิตได้เร็วขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อบริษัทต่างๆ เนื่องจากลดต้นทุนได้
อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพดังกล่าวก็มีข้อเสียเช่นกัน หลายคนเชื่อว่าโลกกำลังพึ่งพาหุ่นยนต์อุตสาหกรรมมากเกินไปอย่างรวดเร็ว และจะเกิดการสูญเสียตำแหน่งงานเนื่องจากไม่จำเป็นต้องมีพนักงานเพื่อทำงานในสายการผลิตอีกต่อไป ปัจจุบัน หุ่นยนต์อุตสาหกรรมนับล้านตัวทำงานในโรงงานทั่วโลก และตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทุกปี หลายคนเชื่อว่าในไม่ช้านี้ หุ่นยนต์จะทำงานในโรงงานส่วนใหญ่หรือทั้งหมดของโลก ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการว่างงานและเศรษฐกิจตกต่ำอย่างกว้างขวาง
หุ่นยนต์เพื่อความบันเทิง
หุ่นยนต์เหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชม หุ่นยนต์เหล่านี้สามารถมีรูปแบบต่างๆ ได้มากมาย รวมถึงของเล่นแอนิมาโทรนิกส์ ตัวตลก และสิ่งมีชีวิตอัตโนมัติที่ปรากฏในภาพยนตร์และเครื่องเล่นแนววิทยาศาสตร์ ผู้คนใช้หุ่นยนต์เหล่านี้ด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น ช่วยให้ผู้คนผ่อนคลายและคลายเครียด ช่วยให้เด็กๆ สนุกสนาน และบางคนเชื่อว่าหุ่นยนต์ที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ทำให้ผู้คนไว้วางใจหุ่นยนต์เหล่านี้มากขึ้น
ดังนั้น หุ่นยนต์เพื่อความบันเทิงจึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะของเล่นหุ่นยนต์ หุ่นยนต์ประเภทนี้ทำให้ผู้คนทุกวัยสามารถทดลองใช้หุ่นยนต์ได้อย่างสนุกสนานและใช้งานง่าย นอกจากนี้ยังมีราคาไม่แพง ซึ่งหมายความว่าทุกครอบครัวสามารถซื้อหุ่นยนต์อย่างน้อยหนึ่งตัวให้ลูกๆ เล่นได้ ของเล่นเหล่านี้ผสานการเรียนรู้ของเครื่องจักรเพื่อให้เด็กๆ ทำภารกิจหรือตอบคำถามด้วยตัวเองได้ นอกจากนี้ ยังสามารถควบคุมจากระยะไกลผ่านอุปกรณ์พกพาหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ซึ่งทำให้เด็กๆ รู้สึกเหมือนกำลังมีชีวิตอยู่
หุ่นยนต์เพื่อการศึกษา
หุ่นยนต์เพื่อการศึกษาได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้ในโรงเรียนและสถาบันการศึกษาอื่นๆ หุ่นยนต์เหล่านี้สามารถช่วยครูในการสอนหรือให้เด็กนักเรียนได้ค้นคว้าหัวข้อต่างๆ ที่พวกเขาสนใจโดยไม่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ หุ่นยนต์เหล่านี้ได้รับการออกแบบมาสำหรับเด็กโดยเฉพาะ เนื่องจากมีขนาดเล็กกว่ารุ่นอุตสาหกรรมมาก มีคุณลักษณะด้านความปลอดภัยมากมายในตัว มีโอกาสก่อให้เกิดความเสียหายน้อยกว่าหากเกิดการทำงานผิดพลาด และโดยทั่วไปแล้วมีราคาถูกกว่าหุ่นยนต์ขนาดใหญ่
หุ่นยนต์เพื่อการศึกษาสามารถช่วยให้ผู้คนเรียนรู้เกี่ยวกับการทำงานของเครื่องจักรและสำรวจโลกของหุ่นยนต์ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและควบคุมได้ หุ่นยนต์ยังสามารถใช้ร่วมกับวิธีการสอนอื่นๆ ได้ด้วย เช่น หากนักเรียนเข้าใจวิธีการทำงานของสวิตช์และมอเตอร์พื้นฐานอยู่แล้ว พวกเขาอาจสนุกกับการใช้หุ่นยนต์แอนิมาโทรนิกส์เพื่อนำความรู้ไปใช้ในทางปฏิบัติ
หุ่นยนต์เพื่อการศึกษาส่วนใหญ่มักทำจากพลาสติกสีสันสดใส ทำให้ดึงดูดเด็กๆ เป็นพิเศษ นอกจากนี้ หุ่นยนต์เหล่านี้ยังมีไฟกระพริบและเอฟเฟกต์เสียงที่ดึงดูดความสนใจของเด็กๆ ได้อีกด้วย หุ่นยนต์ราคาถูกบางตัวยังมีล้อหรือรางที่ช่วยให้เคลื่อนที่ไปมาได้อย่างอิสระในสภาพแวดล้อม เช่น ห้องเรียน ทำให้ครูสามารถใช้หุ่นยนต์เหล่านี้ได้หลายวิธีโดยไม่ต้องทำความสะอาดหลังเลิกเรียน หุ่นยนต์เพื่อการศึกษาถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในโรงเรียนต่างๆ ทั่วโลกแล้ว
บทสรุปหุ่นยนต์ในชีวิตประจำวัน
หุ่นยนต์กำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นเรื่อยๆ เราเห็นหุ่นยนต์ได้ทุกที่ ตั้งแต่ในโรงงานจนถึงเคาน์เตอร์ชำระเงินในร้านขายของชำ บทความนี้จะยกตัวอย่างหุ่นยนต์ในชีวิตประจำวันบางส่วนและอธิบายถึงวิธีที่บริษัทต่างๆ นำระบบเสริมกำลังพนักงานด้วยหุ่นยนต์มาใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งทำให้มนุษย์สามารถมุ่งเน้นไปที่งานที่สำคัญกว่าได้ ขณะเดียวกันก็เพิ่มผลผลิตและมาตรฐานความปลอดภัยได้ด้วย เมื่อเทคโนโลยีมีความก้าวหน้าและก้าวหน้ามากขึ้น บทบาทของหุ่นยนต์ก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น และเห็นได้ชัดว่าอนาคตมีแนวโน้มที่จะถูกกำหนดโดยหุ่นยนต์มากขึ้น
ข้อมูลจาก : Orient Software
เขียนโดย : Trung Tran